6/09/2013

การปลุกชีพรถคลาสสิก VW

การปลุกชีพรถคลาสสิค VW


          การปลุกชีพรถคลาสสิคขึ้นมาสักคันส่วนมากจะทำเครื่องก่อน ทำสี ทำเบาะกว่าจะทำเครื่อง ช่วงล่าง เสร็จก็ต้องมาเก็บสีใหม่อีกรอบ การทำสีก่อน กลับต้องมาโดนเก็บสีอีกรอบ ศูนย์เสียเงินซ้ำซ้อนเป็น ฉะนั้น Step การปลุกชีพรถคลาสสิคเชิงอนุรักษ์มีดังนี้

          ขั้นตอนที่ 1. การเลือกซื้อรถคลาสสิค ก่อนอื่นจะต้องเลือกรถที่ตนรักตนชอบก่อนนะครับ ผู้ซื้อควรทราบก่อนว่าเราต้องการรถอะไร ยี่ห้อไหน ประเภทไหน รถเก๋ง 2 ประตู 4 ประตู เปิดประทุน หรือ รถตู้ ควรใช้เวลาเลือกดูครับเปรียบเทียบหลาย ๆ คันนะครับ ไม่จำเป็นต้องซื้อรถคันแรกที่ไปดู บางคันซื้อมาถูกแต่พอซ่อมไปออกมาแพงกว่าก็มีครับ เพราะอาไหล่รถโบราณบางครั้งหายาก และมีราคาแพง บางครั้งซื้อรถที่มีของครบแต่แพงกว่าหน่อยก็คุ้มครับ ถ้าเราเลือกรถที่เรารักแต่ต้น เราก็จะไม่มาเสียดายภายหลังที่ได้ลงทุนเพิ่มเติมลงไปกับรถที่ซื้อมา (ซึ่งตามประสบการณ์ไม่ว่ารถจะดีขนาดไหนก็จะต้องมีการลงทุนเพื่อให้รถของเรา "กิ๊ก" สมปรารถนา)

          ขั้นตอนที่ 2 จะหาอะไหล่รถคลาสสิคให้พร้อม พอได้รถมาควรประเมินก่อน ว่าต้องทำมากน้อยเพียงใด และเราอยากทำออกมาให้มีสภาพอย่างไร หากอยากทำประกวด ทุกอย่างต้องเป็นของ Original หมด ถ้าได้รถไม่เดิมมาทำยากพอควรเลยละครับ อะไหล่พอหาได้ครับถ้าเป็นรถยอดนิยมอย่างรถโฟล์คเต่า อะไหล่ก็หาไม่ยากในเมืองไทยครับ แต่ถ้าเป็นรถคลาสสิคอื่นที่หายาก เช่นรถเปิดประทุนส่วนใหญ่จะต้องสั่งจากเมืองนอก ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยี Internet ทำให้ทุกอย่างง่ายเข้าครับ ตัวอย่างร้านใน Internet หาดูได้จาก Classic Car Link ของ Web เรานะครับ โดยปกติแล้วผมว่า รถคลาสสิคถ้าไม่ต้องถึงกับประกวดขอให้มีดวงไฟดูสภาพใหม่สวยงาม โครเมียมเงา สีสวยตามสมัยของรถ ดูแลเครื่องให้เดินดีไม่มีปัญหามากมายไปนัก ก็สวยแล้วครับ นอกจากนี้ จะต้องศึกษารายละเอียดของรถคันที่ได้มานั้นว่า เดิมเขาเป็นอย่างไร ถ้าหากเราสามารถทำรถคันนั้นกลับไปเป็นแบบเดิม ได้มากแค่ไหนผมก็ถือว่างามมากแค่นั้นครับ การศึกษาอาจจะไปดูได้จากหนังสือรถโบราณรุ่นนั้น ๆ หรือจาก website ก็ได้ครับ

          ขั้นตอนที่ 3 ลงมือทำรถ เมื่อศึกษารายละเอียดของรถจนถ่องแท้ และทราบว่าจะทำอะไรบ้าง หาอะไหล่จากไหนแล้วควรหาช่างที่ไว้วางใจได้ วิธีการก็มีหลายแบบด้วยกัน อย่างแรกคือเหมาไปเลยทำทุกอย่างไม่ว่าเครื่อง ช่วงล่าง สี ภายใน เดินไฟ รถประกอบตัวรถขึ้นมาจากซากเป็นตัวใหม่ไปเลย แบบที่เราเรียกว่า "เนรมิต หรือ เสก" ขึ้นมานะครับ แบบนี้ก็ดีในกรณีที่เจ้าของไม่ค่อยมีเวลา ส่วนใหญ่ก็จะมีราคาแพงกว่า และอาจจะสู้แบบที่เราเลือกคนที่เป็น specialist ในแต่ละด้านมาทำไม่ค่อยได้นะครับ การทำรถต้องเข้าไปดูบ่อย ๆ ให้กำลังใจช่างตามสมควรเพื่อให้เค้าดูแลรถเราอย่างเต็มที่สมกับรถที่เรารักนะครับ พยายามวางแผนทำงานประเภทที่เลอะง่ายทีหลังเช่นการทำสี ชุปโครเมียม ทำภายในควรทำทีหลังจากการทำช่วงล่าง เบรค ซ่อมเครื่อง เดินสายไฟ

การซื้อรถรถคลาสสิค 


          เนื่องจากเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าการทำรถโบราณจะต้องใช้ความพยายามและความอดทนอย่างสูง ปัจจุบันมีพี่ ๆ ที่ผมรู้จักหลายคนหันมาใช้วิธีการซื้อรถ"กึ่งสำเร็จรูป"นี้มาก ส่วนใหญ่เป็นเซียนทำรถโบราณมาก่อนทั้งสิ้นรถ"กึ่งสำเร็จรูป" หมายถึง รถที่มีคนเคยทำมาก่อน ได้ผ่านขั้นตอนการทำเครื่อง ช่วงล่าง หรือถึงกับทำสีมาก่อนแล้ว แต่ด้วยเหตุผลใดก็ตามเจ้าของเดิมมีความประสงค์อยากขายต่อ ส่วนใหญ่ รถพวกนี้บางคันก็ได้รับการดูแลมาอย่างดี แต่ด้วยการที่ทำมานานพอควร อาจจะขาดรายละเอียดบางอย่าง พวกพี่ ๆ เหล่านี้จึงนำเอามาตกแต่งต่อเรียกว่าการนำเอารถมาเก็บ เพื่อให้รถนั้นสวยจริงๆ รถพวกนี้ราคาอาจสูงหน่อยแต่ออกมาแล้วใช้ได้เลย หรือเก็บให้จบได้ไม่ยากเลย วิธีง่ายๆ ดูรถมือสองก่อนจะซื้อครับ
1. ส่วนภายในด้านหน้าและระบบไฟฟ้า เมื่อเราได้ลองนั่งที่นั่งคนขับ ทุกส่วนที่อยู่ในแผง Console เราต้องตรวจสอบว่าทุกอย่างสามารถทำงานได้ดีหรือไม่
2. ส่วนภายในด้านหลังและระบบการทำงาน ส่วนใหญ่บริเวณนี้ก็คงต้องตรวจสอบสภาพเบาะภายใน อุปกรณ์ที่มีอยู่ด้านหลัง
3. ตรวจสอบตัวถังรถ สำหรับบางท่านที่ไม่คุ้นเคยอาจจะยากสักหน่อย แต่เคล็ดลับง่าย ๆ หาเพื่อนที่ใช้รถ รุ่นที่เราหมายตาไว้ ให้ช่วยดูให้ ด้วยความคุ้นเคยเพื่อนจะสามารถบอกเราได้ถึงร่องรอยที่ผิดปกติ แต่ถ้าหาคนรู้จักไม่ได้ ก็คงต้องอาศัยผู้ขายที่มีมาตรฐานไว้ใจได้เท่านั้น
4. เปิดฝากระโปรงดู เบื้องต้นดูง่าย ๆ ว่ามีคราบน้ำมันรั่วซึมอยู่หรือไม่ ที่ชี้ให้คุณรู้ว่าคุณกำลังซื้อรถมาขับ หรือซื้อมาซ่อม ถ้าจะให้ดีหาคนที่มีความรู้ไปช่วยจะดีกว่ามาก
5. ตัวเครื่องยังเป็นเครื่องเดิมๆหรือไม่ ไม่ควรมีการดัดแปลงเครื่องยนต์
6. เมื่อสตาร์ทรถ เครื่องต้องเงียบไม่มีเสียงกุกกัก
7. เปิดดูเมื่อสตาร์ทรถแล้วมีไอของน้ำมันเครื่องหรือไม่ ถ้ามีเครื่องอาจจะหลวมแล้ว
8. ต้องไม่มีรอยรั่วของน้ำและน้ำมันในจุดต่างๆ เช่น หม้อน้ำ(รุ่น VW ไม่มีนะ..) น้ำมันหล่อลื่นที่จุดต่างๆ
9. เช็คแบตเตอรี่ ถ้าเปิดที่ปัดน้ำฝนแล้วทำงานช้าผิดปกติ หมายถึงแบตเตอรี่เริ่มเสื่อม
10. ยกรถขึ้น(ถ้าเป็นไปได้...) ขั้นตอนนี้ต้องใช้เครื่องมือเข้าช่วย แต่ถึงอย่างไรก็สำคัญมากที่สุด ต้องตรวจดูทุกจุดที่อยู่ใต้ท้อง เพราะนั่นหมายถึงชีวิตและทรัพย์สินของคุณทีเดียว
11. เดินเครื่องยนต์ สำรวจฟังเสียงรบกวน ลองหมุนพวงมาลัยดูราบลื่นดีหรือไม่ ฟังเสียงที่เกิดขึ้น ช่วงนี้ตรวจสอบระบบเกียร์ดูว่าผิดปกติหรือไม่ เพราะเป็นระบบที่เสียค่าใช้จ่ายสูงมากหากเกิดเสียขึ้นมา
12. ประตู ท้ายรถ ตรวจการทำงาน ดูอุปกรณ์ประจำรถ จุดนี้สามารถดูได้ว่ารถเคยถูกชนหลังหรือไม่ และอุปกรณ์ทำงานได้อย่างดีหรือเปล่า
13. ขับทดสอบ คงเป็นไปได้ยากถ้าคุณจะต้องตัดสินใจซื้อรถโดยไม่ทำการทดสอบเสียก่อน การขับทดสอบก็เพื่อดูระบบเกียร์ ระดับเสียงรบกวน ระบบเบรก ล้อและช่วงล่าง รวมทั้งการทำงานของหน้าปัดบอกความเร็วและระยะทาง
14. หลังลองขับ แล้วกลับมาดูใต้ท้องใหม่อีกครั้ง ว่ามีรอยรั่วซึม หรือชำรุดที่ใต้ท้องหรือไม่
15.ขาดไม่ได้เลย คือเอกสาร คู่มือผู้ใช้ สมุดทะเบียน การตรวจสอบประวัติบริการ กุญแจ


http://www.bangkokclassiccar.com

No comments:

Post a Comment